อยากทำพื้นหน้าบ้าน ทาวน์โฮมจะจัดเป็นสวนมีวิธีการอย่างไร
ปัญหาที่พบสำหรับทางเดินนอกบ้าน คือ การทรุดตัว หรือดินยุบ เกิดขึ้นจาก 2 สาเหตุ คือ มาจากขั้นตอนการปูพื้นที่ไม่ได้คุณภาพ กับการเปลี่ยนของสภาพผิวดินตามธรรมชาติ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาดังกล่าว มี 2 ส่วนที่ต้องพิจารณา คือ วัสดุปูพื้น และวิธีการปูพื้นทางเดินนอกบ้าน เป็นส่วนที่ไม่ต้องรับน้ำหนักมาก ขั้นตอนการปูจึงไม่ยุ่งยาก
ถ้าอยากจะให้พื้นหน้าบ้านสำหรับการจัดสวนทางเดินหรือพื้นภายในสวนเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่จะทำให้สวนสวยงามมากยิ่งขึ้น ปัจจุบันมีวัสดุปูพื้นทางเดินในสวนมากมายให้เลือกใช้ตามความชอบ และสไตล์ที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็น
- พื้นไม้ (Wood Flooring)
- พื้นกรวดล้าง (Washed Gravel Flooring)
- พื้นทรายล้าง (Washed Sand Flooring)
- พื้นกรวดแม่น้ำ (Pebbles)
- พื้นหินธรรมชาติ (Natural Stone flooring) หินที่นิยมนำมาใช้ คือ หินกาบ (Brown Slate) หินชนวน (Black Slate) หินแกรนิต (granite) หินทราย (Sandstone) และหินอ่อน (Marble)
- พื้นคอบเบิ้ลสโตน (Cobblestone Flooring)
- บล็อกคอนกรีตปูพื้น (Paving Block)
- พื้นสแตมป์คอนกรีต (Stamp Concrete)
- แผ่นปูทางเดินปูนเปลือย (Concrete Tile)
- กระเบื้องดินเผา (Clay Tile)
- อิฐมอญ (Brick Flooring)
การออกแบบทางเดินภายในสวน มีขั้นตอนดังนี้ คือ
- กำหนดทางเดินภายในสวนทางเดินควรอยู่ในตำแหน่งที่เชื่อมการใช้งานจากในบ้านสู่นอกบ้าน หรือนอกบ้านสู่ในบ้าน หรือจะเป็นพื้นที่รอบๆ สำหรับเดินวนทั่วโดยรอบอาคาร ควรเลือกวางแผ่นทางเดินขนาด 50-60 เซนติเมตรสำหรับเดินคนเดียว 80-100 เซนติเมตรในกรณีที่เดิน 2 คน และวางในระยะห่าง 30-50 เซนติเมตรโดยวัดจากศูนย์กลางของแผ่นทางเดิน
- การเลือกแผ่นทางเดินนิยมกันในท้องตลาดนั้นแบ่งเป็น 2 หมวดใหญ่ๆ ด้วยกัน คือแผ่นทางเดินจากธรรมชาติและแผ่นทางเดินซีเมนต์ ดีไซน์หลากหลายให้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน
– แผ่นทางเดินจากธรรมชาติ เช่น แผ่นศิลาแลง หินภูเขา หินทราย ไม้หมอน มักจะอยู่ในงานดีไซน์สวนแบบ ทรอปิคัล หรือสวนป่าดิบชื้น เนื่องจากมีคุณสมบัติที่สามารถกักเก็บความชื้นได้นาน ทำให้พื้นที่สวนมีความชุ่มชื่น และเย็นสบาย
– แผ่นทางเดินสำเร็จรูป ได้แก่ แผ่นทางเดินซีเมนต์ และแผ่นหินสังเคราะห์ มีหลากหลายขนาด ตั้งแต่ 20 x 20 และ 40×40 เซนติเมตรขึ้นไป ทำให้สามารถกำหนดการจัดวางได้ง่าย และมีความแข็งแรง
ตกแต่งระหว่างแผ่นทางเดินเพื่อความสวยงามสามารถโรยหินแกลบ ซึ่งดูแลได้ง่าย และยังระบายน้ำฝนลงสู่ดินได้อย่างรวดเร็ว หรือปลูกหญ้าสลับ เช่น หญ้ามาเลเซีย เฟิร์นกนกนารี มอสส์ ถั่วบราซิล เป็นต้น ควรเลือกปลูกพืชชนิดที่ต้องดูแลรักษาง่าย ทนต่อการเหยียบย่ำ สามารถทนฝนได้ดี และสามารถระบายน้ำขังลงสู่ดินได้อย่างรวดเร็ว
การปูพื้นทางเดินนั้นสามารถทำได้หลากหลายวิธี โดยมีขั้นตอนวิธีการปูพื้นทางเดินทั่วไป คือ
ปรับหน้าดินให้เรียบเป็นทางเดินตามแบบที่ต้องการ
ใช้ทรายรองหน้าดินอีกชั้นเพื่อให้ระบายน้ำลงสู่ดินได้อย่างรวดเร็ว หรือใช้ตาข่ายพลาสติก ซีเมนต์ เจาะรูระบายน้ำก็จะทำให้พื้นแข็งแรงมากขึ้น
วางแผ่นทางเดินตามระยะที่กำหนดไว้จากนั้นก็ตกแต่งรอบๆ ทางเดินตามความต้องการ
แบบที่ 1 การปูพื้นทางเดินลงบนชั้นดินเดิม
วิธีการปูพื้นแบบนี้ สามารถใช้ได้กับสภาพดินที่มีความแข็งแรง ช่วยให้ระบายน้ำลงบนดินได้รวดเร็ว โดยการเสริมทรายหยาบบีบอัดแน่นจะช่วยเพิ่มความแข็งแรงของพื้นทางเดินมากยิ่งขึ้น
- ปรับเกลี่ยหน้าดินเดิมให้แน่น
- กั้นขอบพื้นที่แนวทางเดินด้วยอิฐขอบปูน (Curb) หรือ ขอบสำเร็จรูป เพื่อช่วยให้ทางเดินคงทนแข็งแรงมากขึ้นและง่ายต่อการปูพื้น
- ปูด้วยแผ่นใยสังเคราะห์ Geotextile เพื่อป้องกันทรายไหลรวมกับดิน
- โรยทรายหยาบเพื่อช่วยปรับระดับดินให้มีความเรียบสม่ำเสมอ หนา ประมาณ 3-5 เซนติเมตร
- ปูด้วยแผ่นตะแกรงพลาสติก และวางแผ่นปูพื้นทางเดินตามต้องการ
แบบที่ 2 การปูพื้นทางเดินลงบนคอนกรีต
เหมาะสำหรับพื้นที่ต้องการความแข็งแรงเป็นพิเศษ โดยสามารถใช้คอนกรีตเสริมเหล็กหล่อในที่ หรือแผ่นคอนกรีตสำเร็จรูป และเททรายหยาบบีบอัดแน่นอีกหนึ่งชั้นเพื่อปรับหน้าดิน
ปรับเกลี่ยหน้าดินเดิมให้แน่น
- กั้นขอบพื้นที่แนวทางเดินด้วยอิฐขอบปูน (Curb) หรือ ขอบสำเร็จรูป เพื่อช่วยให้ทางเดินคงทนแข็งแรงมากขึ้นและง่ายต่อการปูพื้น
- เทคอนกรีต หรือใช้แผ่นพื้นคอนกรีตเพื่อเสริมความแข็งแรง
- โรยทรายหยาบเพื่อช่วยปรับระดับให้มีความเรียบสม่ำเสมอ หนา ประมาณ 3-5 เซนติเมตร
- วางแผ่นปูพื้นทางเดินตามต้องการ
แบบที่ 3 การปูพื้นทางเดินลงบนทรายหยาบ
วิธีการปูพื้นแบบนี้เหมาะสำหรับหน้าดินที่มีความแข็งแรง และเลือกใช้บล็อกพื้นทางเดินคอนกรีต ช่วยให้ระบายน้ำได้อย่างรวดเร็ว เหมาะสำหรับพื้นที่สวนขนาดเล็ก และประหยัดงบประมาณ
- ปรับเกลี่ยหน้าดินเดิมให้แน่น
- กั้นขอบพื้นที่แนวทางเดินด้วยอิฐขอบปูน (Curb) หรือ ขอบสำเร็จรูป เพื่อช่วยให้ทางเดินคงทนแข็งแรงมากขึ้นและง่ายต่อการปูพื้น
- โรยทรายหยาบเพื่อช่วยปรับระดับดินให้มีความเรียบสม่ำเสมอ หนา ประมาณ 3-5 เซนติเมตร
- ปูด้วยแผ่นตะแกรงพลาสติก และวางแผ่นปูพื้นทางเดินตามต้องการ
แบบที่ 4 การปูพื้นทางเดินลงบนแผ่น Geotextile 2 ชั้น
วิธีการปูพื้นแบบนี้เหมาะสำหรับหน้าดินที่มีความแข็งแรง แผ่น Geotextile จะช่วยให้ทราย และวัสดุตกแต่งพื้นไม่ไหลรวมกัน ยังช่วยให้ระบายน้ำลงดินได้ดีไม่เกิดน้ำขังอีกด้วย
- ปรับเกลี่ยหน้าดินเดิมให้แน่น
- กั้นขอบพื้นที่แนวทางเดินด้วยอิฐขอบปูน (Curb) หรือ ขอบสำเร็จรูป เพื่อช่วยให้ทางเดินคงทนแข็งแรงมากขึ้นและง่ายต่อการปูพื้น
- ปูด้วยแผ่นใยสังเคราะห์ Geotextile เพื่อป้องกันทรายไหลรวมกับดิน
- โรยทรายหยาบเพื่อช่วยปรับระดับดินให้มีความเรียบสม่ำเสมอ หนา ประมาณ 3-5 เซนติเมตร
- ปูด้วยแผ่นใยสังเคราะห์ Geotextile เพื่อไม่ให้วัสดุตกแต่งพื้นรวมกับพื้นทราย
- วางแผ่นปูพื้นทางเดินตามต้องการ
ตกแต่งทาวน์โฮมให้สวย หาไอเดียดี ๆ ได้ที่ townhomeplus.com