ตั้งงบไว้แล้ว ไม่อยากให้งบแต่งบ้าน ทาวน์โฮมสูงมากกว่าแผนที่วางไว้ มีข้อแนะนำมาฝากกัน
ซื้อบ้านทาวน์โฮมกันเรียบร้อย ขั้นตอนต่อไปก็ต้องมาวางแผนสำหรับการแต่งบ้านกัน ปัจจัยหลักสำหรับการแต่งบ้านก็คืองบแต่งบ้านนั่นเอง บางคนก็กันงบจากเงินที่กู้ซื้อบ้านหรือกู้เป็นงบตกแต่งเพิ่มเติม เพื่อจะได้เงินซื้อของเข้าบ้าน เพราะถ้าไม่มีเงินเก็บไว้ก่อน เงินที่เรากู้ซื้อบ้านก็จะได้แต่บ้านนะ ไม่มีเฟอร์นิเจอร์อื่น ๆ ดังนั้นเรื่องงบแต่งบ้าน จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก และด้วยเสียงส่วนใหญ่มักจะบอกกันว่า การแต่งบ้านเนี่ย งบจะบานปลายไปมาก ทำให้เงินที่ตั้งใจไว้มักจะไม่พอ ดังนั้นเรามาดูกันดีว่าจะวางแผนยังไงไม่ให้งบแต่งบ้านบานปลาย
- ตั้งงบประมาณที่สามารถจ่ายได้
เอาแบบให้แน่ใจว่าเราเต็มใจที่จะจ่าย ด้วยการจะต้องทำการกกแต่งบ้านนั้น สิ่งที่จะต้องรู้ไว้ก็คือทุกอย่างที่คิดจะทำนั้นเป็นเงินที่จะต้องจ่ายออกไป ดังนั้นเมื่อตัดสินใจได้แล้วว่าจะทำการตกแต่งในจุดไหนหรือซ่อมแซมห้องใด ต้อคิดแล้วว่าเรามีเงินสำหรับทำงานตกแต่งหรือต่อเติมทาวน์โฮมของเราเท่าไร ให้ตั้งงบประมาณที่จะสามารถจ่ายได้ จากนั้นก็ขอให้บวกเพิ่มไปอีก 15 – 20% สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายที่เผื่อเหลือเผื่อขาด แต่ถ้าใครรู้ตัวว่ามือหนักหรือลืมตัวเวลาช้อปของเข้าบ้านก็อนุโลมให้เผื่อไปมากกว่านั้นได้
สำหรับรายจ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการตกแต่งทาวน์โฮมนั้นจะมาจาก
1.1 จ้างสถาปนิกหรือมัณฑนากรให้ออกแบบ-ตกแต่งและคุมงาน
1.2 ค่าจ้างช่างก่อสร้างหรือผู้รับเหมา ถ้ามีการต่อเติมหรือสร้างบางสิ่งหรือปรับเปลี่ยนบางอย่างในทาวน์โฮมเพิ่มเติม
1.3 ค่าวัสดุอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน เฟอร์นิเจอร์ อันนี้จะสามารถเพิ่มหรือลดได้ตามคุณภาพหรือเกรดของสินค้าที่เลือกใช้
- ออกแบบให้จบตั้งแต่อยู่ในกระดาษ
ถ้าเราต้องการให้บ้านออกมาดูดี ก็ควรเลือกใช้นักออกแบบมืออาชีพ ไม่ว่าจะเป็นสถาปนิกหรือมัณฑนากรอาจจะเป็นบริษัทหรือฟรีแลนซ์ก็ได้ เจรจาให้อยู่ในราคาที่เรารับได้ สอบถามเรื่องเงื่อนไขการรับงาน การแก้ไข แก้แบบ จำนวนครั้งสิ่งต่าง ๆ ให้ดี เพราะถ้าเรามีการแก้ไขเกินกว่าที่กำหนดไว้ อาจจะต้องจ่ายเงินเพิ่ม
ถ้าเราไม่ใช่นักออกแบบมืออาชีพ บางทีอาจจะเสี่ยงต่อการเขียนแบบเอง แล้วส่งงานให้ผู้รับเหมาทำ เพราะบางทีในทางเทคนิคอาจจะทำไม่ได้ หรือผู้รับเหมาบางรายอาจะตุกติก ทำแล้วทุบพร้อมกับข้ออ้างล้านแปด ดังนั้นการใช้มืออาชีพเพื่อสร้างภาพของบ้านที่เราอยากได้ว่าตกแต่งยังไง มีข้อแนะนำทางเทคนิคเพื่อให้ทำได้จริง จะได้ทางเลือกที่ดีกว่า
ส่วนในการออกแบบนั้น เราอาจจะต้องทำการบ้านมาก่อนว่าอยากได้แบบไหนดูแบบการตกแต่งห้องในเว็บไซต์และเพจเกี่ยวกับการตกแต่งบ้าน รวมถึงนิตยสาร เดินดูโชว์รูมหรือห้างสรรพสินค้า (ดูแบบเป็นไอเดียก่อน ยังไม่ได้ซื้อของ)ไปดูบ้านเพื่อน ญาติพี่น้อง หรือคนรู้จัก แล้วก็ทำรายการสิ่งของที่จะซื้อโดยแบ่งประเภทเป็นของใช้จำเป็น,เฟอร์นิเจอร์อำนวยความสะดวก,ของตกแต่ง โดยเรียงลำดับตามความสำคัญ ทำเป็นแผนสิ่งของที่จะซื้อเพื่อจัดสรรและคุมงบประมาณที่ตั้งไว้
- เลือกวิธีการดำเนินงานให้เหมาะสม
เพื่อให้การลงมือตกแต่งหรือปรับปรุงบ้านมีวิธีดำเนินการที่อยู่หลายรูปแบบนั้น เหมาะสมกับงานตกแต่งของเรา การเลือกวิธีการดำเนินงานที่เหมาะสมก็จะช่วยประหยัดเงินในไปได้มากทีเดียว ดังนี้
- เลือกวิธีการจ้างบริษัทรับออกแบบ-ตกแต่งเป็นผู้ดำเนินการแบบเบ็ดเสร็จ ไม่ว่าจะเป็นออกแบบ หาวัสดุอุปกรณ์มาให้เจ้าของบ้านเลือกหาผู้รับเหมามาก่อสร้าง หาสถาปนิกมาควบคุมงาน วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาที่จะลงมือกำกับดูแลเองจึงมีค่าใช้จ่ายสูงแต่ก็ได้รับความสะดวกสบายแทน
- อาจจะจ้างนักออกแบบอิสระ แล้วจ้างผู้รับเหมาและให้หาซื้อวัสดุด้วย ซึ่งวิธีนั้นจะต้องบอกรายละเอียดของวัสดุที่จะใช้ให้กับผู้รับเหมาและเผื่อตัวเลือกให้หากวัสดุที่ต้องการหมด วิธีนี้ผู้รับเหมาส่วนใหญ่นั้นจะบวกค่าดำเนินการลงไปด้วย ทำให้ของที่ซื้อมามีราคาแพงกว่าร้านค้าทั่วไป บางครั้งวิธีนี้นักออกแบบและผู้รับเหมาอาจจะประสานงานกันในการเลือกซื้อวัสดุตามที่คุณกำหนด
- จ้างนักออกแบบอิสระ จ้างผู้รับเหมา แต่เราหาซื้อของเอง ถ้าเราเป็นผู้ที่มีเวลาพอสมควรและมีรถยนต์เพราะต้องเดินทางไปสั่งซื้อวัสดุตกแต่งก่อสร้างเอง ก็ต้องคำนวณดูดี ๆ ว่าคุ้มที่เราจะเดินทางไปตระเวณซื้อของแล้วเราก็มีเวลามากพอหรือเปล่า เพราะดูจะเหมือนจะประหยัดแต่ถ้าต้องเป็นผู้ขนสินค้ากลับมาที่บ้านเอง ก็จะทำให้มีต้นทุนแฝงในการเดินทางขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้นด้วย
- เลือกวัสดุให้เหมาะสม
งบประมาณที่จะบานปลายก็มาจากการเลือกใช้วัสดุที่ไม่เหมาะสม หรือนำไปใช้ไม่ตรงวัตถุประสงค์ของวัสดุนั้นๆ อาจเกิดจากความไม่รู้หรือไม่มีผู้แนะนำจึงทำให้เกิดความเสียหายโดยตรงจากการใช้งาน นอกจากวัสดุต่างๆ แล้วการตัดสินใจให้ความสำคัญกับส่วนต่างๆ ของบ้านก็มีส่วนที่จะช่วยประหยัดงบได้ เช่น ห้องที่ต้องใช้งานบ่อย อาทิ ห้องรับแขกหรือห้องนั่งเล่น ควรเลือกใช้วัสดุที่เหมาะสมกับการใช้งานและราคาไม่แพงเกินไป นอกจากนี้ในขั้นตอนของการซื้อของ หากใช้บริการของบริษัทรับออกแบบควรให้ทำรายการประกอบราคาสินค้าหรือ B.O.Q. (Bill of Quality) อย่างละเอียดที่สุดด้วยเพื่อเทียบกับราคากลางของสินค้าในท้องตลาด
ถ้าได้ทำตามวิธีที่แนะนำแล้ว เชื่อว่างบตกแต่ง ทาวน์โฮมที่วางไว้ จะมีความเสี่ยงจะบานปลายน้อยลงไปมาก ข้อมูลสำหรับทาวน์โฮม ติดตามได้ที่ townhomeplus.com